30 สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน
1. “Twenty-four Seven” สำนวนนี้มีความหมายว่า
“ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน”
2. “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s
get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”
3. “Take it easy” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have
any plans this weekend. I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ
“ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” ค่ะ สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกันค่ะ “I’m
going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to
relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า “I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย”
เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you
tomorrow. I have to sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” เพราะฉะนั้น
“Sleep on it คือ ขอเวลาตัดสินใจ แล้วจะบอกคำตอบทีหลัง”
ค่ะ
5. “I’m broke.” อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆเลยค่ะ
สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่ามีร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหรือใช้การไม่ได้แต่ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ
“ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ
“ถังแตก” นั่นเองค่ะ “I’m
broke.” เท่ากับ “I have no money – ฉันไม่มีเงินเลย”
สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆค่ะ
6. “Sharp” เมื่อใช้กับเวลา ยกตัวอย่างเช่น “The
meeting is at 7 o’clock sharp!” คุณว่าหมายความว่าอะไรคะ
ความหมายก็คือ “การประชุมจะเริ่มตอนเจ็ดโมงเป๊ะ” เวลามีคนใช้คำว่า “Sharp” ตามหลังเวลาพูดกับคุณ
ความหมายก็คือเขาต้องการย้ำเวลานั้นๆ และบอกคุณว่า “อย่ามาสายนะ”
7. “Like the back of my hand” ความหมายของสำนวนนี้คืออะไร “the back
of my hand หรือ หลังมือของตัวเอง” เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลังมือคุณ คุณเห็นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันพูดว่า “I
know this city like the back of my hand.” ความหมายของฉันก็คือ “ฉันรู้จักเมืองนี้ดีมากๆ ฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้” สำนวนนี้ก็ใช้กันบ่อยมากค่ะ
เราอาจปรับเปลี่ยนใช้สำนวนนี้ได้ว่า “He knows this city like the back of
‘his’ hand” ก็ได้นะคะ ความหมายก็จะยังเหมือนกัน ก็คือ “รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งดี หรือ คุ้นเคยเป็นอย่างดี” ค่ะ
8. “Give me a hand.” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “Do you want to
give me a hand?” เขาหมายความว่า “Do you want to help me?” สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งถือของมา แล้วเขาพูดว่า “Would you give me a
hand?” เขาไม่ได้ขอมือคุณเฉยๆนะคะ เขากำลังขอให้คุณช่วยเขาหน่อยค่ะ “Would
you give me a hand?” คือ “Would you help me?-คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
9. “In ages” ยกตัวอย่างเช่นใช้ในประโยคว่า “I haven’t seen him in ages” ความหมายของ “in ages” ก็คือ “for a long
time-เป็นเวลานานมาก” นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น “I
haven’t seen him in ages” ก็เท่ากับ “I haven’t seen him
for a long time-ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว” จำไว้นะคะ “in ages” แปลว่า “เป็นเวลานานมาก”
10. “Sick and tired” สำนวนนี้แปลได้ว่า “ไม่ชอบ
หรือ เกลียด” ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า “I’m
sick and tired of doing homework.” ความหมายก็คือ “ฉันไม่อยากทำการบ้านแล้ว ฉันไม่ชอบทำการบ้านเลย”
11. “behind one’s back” แปลว่า พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว
หรือ พูดลับหลัง ตัวอย่างเช่น Pete loves to gossip Jay behind his
back. (พีทชอบที่จะนินทาเจลับหลัง โดยเขาไม่รู้ตัว)
12. “turn one’s back on” แปลว่า ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลือ ทอดทิ้ง
ตัวอย่างเช่น John never turn his back on his
girlfriend when she needs help. (จอห์นไม่เคยไม่เคยทอดทิ้งเฉยเมยต่อแฟนสาวของเขา
เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ)
13. “get back at” แปลว่า แก้แค้น แก้เผ็ด เอาคืน ตัวอย่างเช่น If
it takes me 10 years I will get back at him. (ถึงแม้จะต้องเสียเวลาสัก
10 ปี ผมก็จะต้องแก้แค้นมัน)
14. “hold something back” แปลว่า ซ่อน ไม่เปิดเผย ไม่เต็มใจเปิดเผย
ตัวอย่างเช่น I could tell from his nervousness that he was holding
back something. (ฉันสามารถจะบอกจากอาการตื่นเต้นของเขาได้ว่า
เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง)
15. “be my guest” แปลว่า พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
16. “be oneself” แปลว่า เป็นปกติธรรมดา “You
haven’t been yourself lately. Is anything wrong?” (เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ
มีอะไรรึเปล่า)
17. “be tired of” แปลว่า รำคาญ เบื่อ เช่น I was tired of
working for other people, so now I’m self-employed. (ผมเบื่อที่เป็นลูกจ้าง
ขณะนี้ได้ออกมาทำกิจการของตนเองแล้ว)
18. “beyond hope” แปลว่า ไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Everyone
has tired to help him with his drink problem, but I think he is beyond hope. (ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาได้พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาดื่มเหล้า
แต่ฉันว่าไร้ประโยชน์)
19. “big-headed” แปลว่า หยิ่งยะโส ตัวอย่างเช่น “Here she
comes! she always boasts about her success. I don’t know why she’s so
big-headed.” (นี่ไงล่ะ คนที่ชอบคุยโวว่าตัวเองเก่ง
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบอวดตัวเองนัก)
20. “A great deal” แปลว่า จำนวนมาก มากมาย ตัวอย่างเช่น We’ve
heard a great deal about you. (พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมากมาย)

21. “After all” แปลว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ตัวอย่างเช่น But after all, they are our children. (แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกๆ
ของเรานะ)
22. “After one’s own heart” แปลว่า ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ ตัวอย่างเช่น I love you, boy. You are always a child after
my own heart. (พ่อรักลูกนะ ลูกเป็นลูกที่สมใจพ่อเสมอ)
23. “All over the place ” แปลว่า ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง
กระจัดกระจาย เกลื่อน ตัวอย่างเช่น Your
books are all over the place. (หนังสือของคุณวางอยู่ทั่วไปหมด)
24. “Around the corner” แปลว่า อยู่ใกล้ๆ
อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว ตัวอย่างเช่น The
examination is right around the corner. (การสอบใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว)
25. “As a matter of fact” แปลว่า อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ
แล้วตัวอย่างเช่น As a matter of fact, l don’t like them either. (อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน)
26. “As far as I am concerned” แปลว่า ตามความเห็นของฉัน
ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ ตัวอย่างเช่น As far as I am concerned, he
should get fired. (ตามความเห็นฉันนะ เขาควรจะถูกไล่ออก)
27. “Watch your
mouth” แปลว่า ระวังปาก ระวังคำพูด
มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue
28. “Let the cat out of the bag” แปลว่า หมายถึง หลุดปากเผยความลับออกมา ตัวอย่างเช่น “I let the cat out of the bag about their wedding plans.”
29. “To feel under
the weather” หมายถึง ไม่สบาย ป่วย ตัวอย่างประโยค “I’m
really feeling under the weather today; I have a terrible cold.”
30. “Jack of all trades” หมายถึง คนที่รู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง
ตัวอย่างประโยค “A jack of all trades,master of none.” แปลว่า
รู้ไปหมด แต่ไม่เก่งสักอย่าง
ที่มาของข้อมูล:http://teen.mthai.com/education/83291.html
ดีมากค่ะ เพราะทำให้เรารู้ถึงคำสแลงต่างๆ ซึ่งบ้างที่เราอยากจะพูดคำสแลงแต่เราไม่รู้จะพูดยังไง บทความนี้ดีช่วยให้เรารู้จักหลายๆคำเลย เช่นเราอยากจะพูดว่าระวังปาก บางที่เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่เนื่องจากได้ดูบทความนี้แล้วทำให้รู้ว่าจะต้องพูดว่า Watch your mouth
ตอบลบน่าสนใจมากๆเลย สามารถนำไปใช้ได้จริงๆ ทำให้กล้าที่จะใช้ได้อย่างถูกต้องค่ะ
ตอบลบเราไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสำนวนภาษาอังกฤษ ขอบคุณมากสำหรับเนื้อหาดีๆ แบบนี้นะคะ
ตอบลบขนาดตัวหนังสือเล็กไปนะคะ แต่เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์มากค่ะ
ตอบลบ